ร้านเนื้อย่างในกรุงเทพฯ .. ถ้านับกันจริง ๆ คงจะมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่ส่วนตัวพิมเอง ที่เคยไปจริง ๆ มีไม่กี่ร้านหรอกค่ะ แต่ในบรรดาร้านที่เคยได้ไปนี่ ร้าน Giants เป็นร้านเนื้อย่าง (บุฟเฟ่ท์) ที่พิมกับครอบครัวและเพื่อน ๆ คุณแฟน ไปกันบ่อยที่สุดเลยค่ะ
เนื้อ ย่างที่ร้านนี้ .. ถ้าจะว่าไปแล้ว ในเรื่องรสชาติก็ต่างจากที่อื่นพอควรค่ะ .. ถ้ามีคะแนนสัก 10 พิมคงจะให้สัก 7 ในเรื่องของรสชาติ (พิมว่าที่ซูกิชิ ที่ไม่บุฟเฟท์ อร่อยกว่านะคะ) แต่ในเรื่องของการบริการ อัธยาศัยไมตรีของผู้จัดการและพนักงานร้านนี่สิค่ะ ที่มีสัก 10 พิมก็อยากจะให้ 10 เลยค่ะ เพราะงั้นทุกครั้งที่อยากจะกินเนื้อย่าง พิมก็จะนึกถึง Giants เป็นอันดับแรก
Giants นี่ ปกติเวลาพิมไป พิมจะไปกับคุณแฟน และก็น้องชายพิมด้วยค่ะ แต่วันนี้เค้าไม่ว่าง ก็เลยไปกันแค่พิมกับคุณแฟน และก็เพื่อน ๆ รุ่นน้องของ คุณแฟนอีก 4 คน
ว่าแล้วก็มาม่ะ ... ตามพิมมาเลยดีกว่า วันนี้เรานั่งแท๊กซี่ไปกันค่ะ
เรานั่งแท๊กซี่จากแถวบางกะปิ ออกเลียบทางด่วน ไปโผล่ถนนเพชรบุรี แล้วก็เลี้ยวเข้าซอยเพชรบุรี 32 (จำไม่ผิดซอยใช่ไหมค่ะ - -") พอตรงเข้าไปถึง 3 แยก เราจะเห็นตึก City Resort ก็ตรงเข้าไปจอดรถหน้าตึกเลยค่ะ
แล้วจากนั้นเราก็เข้าไปในตึก (ชั้นล่างเป็นสตาร์บัค) เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้น 3 กันค่ะ ... เลี้ยวขวา ก็จะเจอร้าน Giants ตั้งเด่นอยู่ด้านหน้าเลยน่ะค่ะ
วันนี้สมาชิกของเรามีทั้งหมด (รวมพิมด้วย) ก็ 6 คนค่ะ ... แต่ขอบอก !!! เป็น 6 คนที่ อืมมมมมม Giants สมชื่อร้านเลยค่ะ .... ^^"
เริ่มจากคนแรก ....... คุณแฟนสุดที่ร๊ากกกกกก "Cashy ของพิม หรือ Dark-Master ของเพื่อน ๆ น้องๆ" (ภาพนี้ถ่ายตอนกินเสร็จ ใกล้จะกลับบ้าน เค้าไม่ได้ยกมือไหว้ใครนะคะ แค่เอามือมาประกบกันเฉยๆ - -")
ต่อมาก็ เพื่อนรุ่นน้องของแฟนคนที่ 1 น้องเค้ามาถึงก่อนเรา ครึ่ง ชม. ค่ะ (ทั้งที่มาจากแถวบางมด) - -" ... ก็เลยมาจองที่ไว้ให้เราก่อน (ขออภัยนะ ที่พี่จำชื่อเราไม่ได้ -*-)
ต่อมาก็เพื่อนรุ่นน้องคุณแฟนอีก "เอ๊ะ" .............. อันนี้ขาประจำ ไปไหนไปกันตลอด ไม่เคยจะมีพลาด
แล้วก็ยังมีขาประจำสุด ๆ .... อีก 2 คน "เก้า กับ คริต"
ส่วนคนสุดท้ายในวันนี้ ... ก็คือ พิมเองแหละค่ะ .... ฮ่ะๆๆ
แล้วเมื่อสมาชิกครบ ... ทุกอย่างครบ .. เข้าไปนั่งประจำที่ในร้านเรียบร้อย เราก็เตรียมตัวสั่งกันทันทีโดยไม่ต้องดูเมนูเลยค่ะ ^___^ ..... แต่เนื่องจากว่าในระยะหลัง ๆ พิมถูกคุณแฟนทอดทิ้งค่ะ -*- อีตอนเค้ามากับเพื่อนครั้งก่อน ๆ เค้าไม่ได้เอาพิมมาด้วย (ไม่ค่อยจะว่าง ตรงกับวันที่เค้ากับเพื่อน ๆ มาทานกันเลยน่ะค่ะ) พิมก็เลยห่างหายไปจาก Giants ซะนาน ก็เลยต้องขอดูเมนูหน่อยแหละ ว่ามีอะไร (เพิ่ม) บ้าง (ไหม) ฮี่ๆ
แต่ดู ๆ แล้ว .. ก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่เพิ่มมาในช่วงนี้เลยค่ะ (จริง ๆ อยากให้เค้ามีอะไรใหม่ ๆ เปลี่ยนทุกเดือน หรือสักสองเดือนก็ดีนะคะ จะได้รู้สึกว่ามีอะไรให้ลุ้นทุกครั้งที่มา ^^") เพราะฉะนั้นเลยหันไปหยิบอีกแผ่น ดูวิธีย่างดีกว่า (จริง ๆ ไม่ต้องดู ก็รู้ แต่ก็อยากดูเน๊าะ แบบว่าระหว่าง สั่ง + รอ ไม่รู้จะทำอะไรน่ะค่ะ)
แล้วช่วงนี้แหละค่ะ ที่พิมตอนนี้สงสารน้องพนักงานมากๆ จดรายการของที่พวกเราสั่งกัน มือหงิกแทบไม่ทันเลยค่ะ -*- .... เพราะเราสั่งกันไปร้อยกว่าจานเห็นจะได้ (เว่อร์ไป ๆ ฮ่ะๆ) ....
หลังจากสั่งของไปแล้ว และพลิกซ้ายขวา กระดาษเมนู และกระดาษแสดงวิธีการย่าง ไป 378 ตลบ ..... ทั้งเนื้อสัตว์ อาหารที่สั่งไป และเตาไฟ ก็ยังไม่มาค่ะ (แบบว่าวันที่ไปเนี่ย หิวมากๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ) ... แต่น้องพนักงานเค้าก็มาเสริฟ์น้ำให้พวกเรากินรองท้องไปก่อนค่ะ .... ซึ่งวันอื่น ๆ ที่ผ่านมา ปกติพิมจะดื่มเป๊ปซี่นะ เพราะว่าของโปรดมาก ๆ หรือไม่ก็น้ำเปล่าค่ะ แต่วันนี้พิมขอเป็นชาข้าวบาเล่ย์แทนแล้วกัน อยากกินของแปลกใหม่ (จริง ๆ เคยกินไปแล้วในครั้งก่อน ๆ ที่มา แต่ก็ไม่ชอบเลยค่ะ - -" / แล้วคราวนี้จะกินทำไมเนี่ยยยย) ..... นี่ค่่ะ...น้ำชาข้าวบาเล่ย์ของพิม ... เพื่อนน้องชายพิมที่ไปอยู่ญี่ปุ่นมาปีกว่า บอกว่าสาว ๆ ที่นั่นชอบกินกันด้วยนะคะ (ไม่รู้จริงเท็จแค่ไหน)
พอน้องพนักงานเค้ารินน้ำชาให้พิม และเสริฟน้ำให้ทุกคนในโต๊ะเสร็จ .. ก็พอดีกับน้องพนักงานผู้ชายอีกคน หิ้วเอาตะแกรงย่างกับเตาถ่านมาให้พอดีเลยค่ะ (แหมมมม ได้ยินในใจเราบ่นสิเนี่ย โฮ๊ะๆ) ... ถ่านที่นี่ ไฟแรงดีมาก ๆ อยากเอากลับไปใช้หุงข้าวที่บ้านง่ะ (ไม่รู้เค้าใช้ถ่านอะไรเน๊าะค่ะ)
พอถ่านมาแล้ว .. ระหว่างรอเนื้อสัตว์ พิมก็มาเตรียมน้ำจิ้มค่ะ ... อันนี้คือชุดน้ำจิ้มที่ทางร้านเค้ามีวางไว้ประจำทุกโต๊ะค่ะ ก็จะมีขวดน้ำจิ้ม (ออกรสหวาน) ขวดน้ำมะนาว แก้วใส่พริก แก้วใส่กระเทียมสับ ค่ะ (บอกละเอียด เผื่อคนที่ยังไม่เคยไป)
น้ำจิ้มเนื้อย่างสำหรับพิม .... ต้องเข้มข้นหน่อยค่ะ พอพิมเทน้ำจิ้มใส่ถ้วยส่วนตัวแล้ว ก็เลยตักเอาพริกกับกระเทียมใส่ลงไปด้วย ตอนแรกคิดว่าตัวเองใส่เยอะแล้วนะคะ (ใส่เยอะกว่าในภาพนี้ 2 เท่า) แต่พอหันไปดูเพื่อนแคช - -" ... แหมมมมมม ไอ้ของเรานี่กระจิ๊บ ๆ ๆ ไปเลยค่ะ น้องเค้าเล่นใส่กระเทียมซะแบบว่า มองไม่เห็นน้ำจิ้มเลย
ป.ล. น้ำจิ้มเนื้อย่างเนี่ย พิมชอบน้ำจิ้มที่ซูกิชิ (ส่วนไม่บุฟเฟท์) มากเลยค่ะ ..... น้ำจิ้มเค้าออกหวานนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ พอเติมกระเทียมสับกับพริกขี้หนูสับ และน้ำมะนาวไปอีกนิด รสชาติจะอร่อยและเด่นมากมาย แต่ก็ไม่เด่นจนกลบรสชาติเนื้อ แล้วพอเราเอามาจิ้มกับเนื้อที่ย่างสุกใหม่ ๆ มันอร่อยมากกกกกกกกก จนไม่อยากเลิกกินเลยค่ะ <---- ความชอบส่วนตัวสุด ๆ นะคะเนี่ย
จากนั้นก็หันไปเตรียมจาน กับตะเกียบให้พร้อม (จริง ๆ พนักงานเค้าเตรียมมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ -*-) พิมไม่ได้เตรียมอะไรเล๊ยยยย แค่แกะตะเกียบออกจากถุงแค่นั้นเอง - -
และแล้ว...ว.ว.ว.ว..ว.วว.ว..ว.ว นั่งคุยชิว ๆ ไปอีกสักแป๊บบบบบ เนื้อสดจานแรกของเราก็มาถึงโต๊ะค่าาาาาาาา "เนื้อลายมัน" จำไม่ได้ว่าสั่งไปรอบแรกนี่กี่จาน แต่ไม่น่าต่ำกว่า 5 จาน (แต่รวมแล้ว เฉพาะเนื้อลายมัน สั่งไปน่าจะไม่ต่ำกว่า 15 จานนะคะ)
ลองคีบดูสักชิ้นสิ ... ชิ้นใหญ่แค่ไหนเนี่ยยยยย (คนคีบ ไม่ได้เรื่องเล๊ยยย คีบไม่ได้บรรยากาศเหมือนกับในรายการ Maki Restaurant รายการดังของญี่ปุ่นเลยอ่า -*-)
เนื้อลายมันนี่ .... พิมชอบนะคะ เวลาเอาเค้าไปย่างด้วยเปลวไฟ พอข้างนึงใกล้จะสุก เราก็รีบพลิกกลับเอาอีกข้างให้โดนไฟจึ๋งนึงงงง จากนั้นเอามาห่อด้วยผักกาดที่สดกรอบ (แช่เย็นมาด้วยนิดนึง) เอาน้ำจิ้มที่มีกระเทียมกับพริกเยอะ ๆ แปะลงไป แล้วก็เอาเข้าปากทั้งคำใหญ่ ๆ อย่างนั้น ........หู๊ยยย อร่อยมากมายเลยค่ะ
แต่ .................. ว่าเนื้อลายมันอร่อยแล้ว แต่พิมชอบ "เนื้อติดมัน" มากกว่าค่ะ ^^ เพราะเหมือนเค้ายังมีอะไรให้เคี้ยว ไม่เหมือนเนื้อลายมัน ที่มันเหมือนจะละลายในปากได้ (แค่เหมือนนะคะ แต่มิสามารถละลายได้อ่า) .. นี่ค่ะ จานนี้ หน้าตาแบบนี้ คือ "เนื้อติดมัน" ... น่าอร่อยใช่ไหมล่าาาา
ลองให้คุณแฟน คีบขึ้นมาโชว์สักชิ้นนึงสิ จะดูดีเหมือนเนื้อลายมันไหมน๊าาาา (คีบ ไม่ได้อารมณ์เช่นเคย -*-)
มีเนื้อมัน ๆ ไป 2 เนื้อแล้ว ก็ขอเนื้อไม่มันบ้างนะคะ แบบมีแต่เนื้อล้วน ๆ เพื่อสุขภาพอันดี ....... จานนี้เค้าเรียกว่า "เนื้อสัน" ค่ะ ทำมาเป็นวงเหมือนดอกไม้ น่าร๊ากกกก
ต่อมา .. ก็เป็นกุ้งสดค่ะ ... สดจริง ๆ นะเออ แถมตัวก็ใหญ่พอประมาณเลยค่ะ เคยได้ยินจากในพันทิปนี่แหละค่ะว่า เจ้าของร้านเค้าสั่งเป็น ๆ มา แล้วเลี้ยงเอาไว้หลังร้าน แล้วค่อยทยอยสต๊อกจับมาให้ลูกค้ากินแบบสด ๆ (ไม่รู้จริงแท้แค่ไหนนะคะ)
แล้วพิมก็ยังสั่ง "ปลาหมึก" ด้วย ... ปลาหมึกนี่ คราวก่อน ๆ ที่มา พิมแทบจะไม่เคยสั่งเลยค่ะ เพราะแม่พิมมักจะเอาแบบสดปิ๊ง ๆ ๆ ชนิดเพิ่งขึ้นจากทะเล หนวดยังเกาะนิ้วเรา ยังไม่โดนน้ำจืด .. มาฝากพิมอยู่เสมอ แทบทุกอาทิตย์ พิมก็เลยเบื่อ ๆ ปลาหมึก แต่มาคราวนี้ขอสั่งซะหน่อย เพราะว่าบอกแม่ไม่ให้เอามาฝากหลายอาทิตย์แล้วน่ะค่ะ -*-
แต่ อืม ๆ ...... ปลาหมึกคราวนี้ พิมไม่ค่อยประทับใจสักเท่าไหร่ รู้สึกมันไม่ค่อยอร่อยน่ะค่ะ เนื้อไม่ค่อยกรอบ ไม่ค่อยดึ๋ง รสไม่ค่อยหวาน ออกจะเหนียวสักเล็กน้อย แต่ก็โอเค ไม่เลวร้ายนะ
จริง ๆ มีสั่ง "เนื้อหมู" กับ "เนื้อไก่" ด้วยนะคะ แต่ว่าสั่งอย่างละจานสองจาน ไม่ได้สั่งเยอะ พิมก็เลยไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูป เพราะพอมาถึงก็เอาลงย่างกันเลย ถ่ายไม่ทัน -*- (พนักงานร้าน กับสมาชิก ไม่เป็นใจง่ะ)
ต่อมาก็เป็น "ปลาแซลมอน" ค่ะ ..... คุณภาพใช้ได้เลยค่ะ แต่ย่างแล้ว ชอบติดตะแกรงจริงๆ จะต้องย่างเนื้อก่อน ให้น้ำมันเนื้อชุ่มตะแกรง ค่อยเอาแซลมอนไปย่างตรงนั้น ก็จะไม่ค่อยติดค่ะ
แล้วพิมกับแก๊งค์ก็ยังสั่ง "เห็ดออรินจิ" ด้วยค่ะ ซึ่งทางร้านเขาจะสไลด์มาให้แบบนี้ ไม่หนาไม่บางจนเกินไป .... เห็ดอันนี้ย่างพอสุก ให้นิ่ม ๆ นิด เอามาจิ้มกับน้ำจิ้มต้อนร้อน ๆ อร่อยมาก ๆ ค่ะ หรือจะกินแบบไม่ต้องจิ้มเลย ก็ยังอร่อยอยู่ดี
ป.ล. แรกๆ พิมเรียกเห็ดออรินจิ หรือ เออรินจิ ว่า ... เห็นออริจินค่ะ ... แล้วเพื่อน ๆ ก็พากันขำนะคะ แต่มันก็ขำ แบบไม่ยอมบอกพิมว่าขำอะไรอ่ะ กว่าพิมจะรู้ ก็ปล่อยไก่ไปนับสิบตัวแล้ว -*-
แล้วก็ยังมี "กิมจิ" หรือ "คิมูจิ" ... พิมชอบกิมจิที่ร้านนี้ค่ะ รสชาติเค้าไม่จัดจ้าน ไม่เปรี้ยวไป เผ็ดไป นุ่ม ๆ มาก เหมาะกับการเอามากินกับเนื้อย่างมัน ๆ แบบนี้ ตัดเลี่ยนไปได้เยอะเลยค่ะ
ส่วนอีกอย่างที่จะขาดซะไม่ได้ ก็คือ ผักยำ (จริง ๆ น่าจะเรียกว่าผักคลุกน้ำมันมากกว่าน๊าาาา) ... ก็จะเป็นกวางตุ้ง กับถั่วงอกค่ะ น่าจะเป็นการลวก แบบให้สุกกรอบ แล้วเอามาคลุกหรือผัดกับน้ำมันงานะคะ ซึ่งเจ้าผักยำจานนี้เนี่ย ไปแรก ๆ ไม่ค่อยชอบสั่งเลยค่ะ รู้สึกเอียน ๆ แต่มาระยะหลังกลับชอบค่ะ อาจจะเพราะเห็นคุณแฟนชอบกินก็เป็นได้ (แบบว่าอิทธิพล ฮ่ะๆ)
นอกจากผักยำแล้ว ผักอื่น ๆ ที่มีอีกอย่าง ก็คือ ผักกาดหอมค่ะ ... เอามาไว้กินกับเนื้อย่างนี่แหละ ย่างร้อน ๆ แล้วห่อด้วยผักกาดหอม แตะน้ำจิ้มลงไปสักนิดนึง .. อื๊มมมมมมมม... อร่อยมากมายเลยค่ะ แต่พิมไม่ค่อยชอบ >_<'
และที่่จะขาดไม่ได้สำหรับพิม ก็คือ "ข้าวผัดกระเทียม" ค่ะ .... คือ จริงๆ ไม่อยากกินข้าวผัดกระเทียมเท่าไหร่ เพราะปกติเป็นคนไม่ชอบกินข้าว (แต่ชอบกินกับข้าว - -") แต่ข้าวผัดกระเทียมที่นี่อร่อยนะคะ ..... แล้วถ้าไม่กินข้าว กินแต่เนื้อย่างอย่างเดียว ถึงจะอิ่ม แต่ก็อิ่มไม่นาน เพราะนั้นเลยต้องสั่งข้าวผัดกระเทียมค่ะ
ส่วนคนอื่น ๆ ในโต๊ะ บางคนก็สั่งข้าวผัดกระเทียมเหมือนพิม แต่บางคนก็ชอบข้าวสวยมากกว่า เห็นคุณแฟนเค้าว่าข้าวสวยที่นี่ก็ใช้ได้นะคะ มากี่ทีก็ได้ข้าวสวยกินอร่อยแบบนี้ทุกที .... (ที่พูดแบบนี้ เพราะร้านอาหารญี่ปุ่นบางร้าน อย่างโคบูเนะ ที่เดอะมอลล์บางกะปิ พิมไป 2 ครั้ง คนหุงข้าว หุงข้าวแฉะมากทั้งสองครั้งเลยค่ะ)
เมื่อมีข้าวแล้วก็ต้องมีซุปด้วย (ไม่งั้นข้าวติดคอ ไม่รู้นะเอออออ) ... ที่นี้มีซุปให้เลือกเพียงอย่างเดียวค่ะ (อย่างเดียว นี่มันเรียกว่ามีให้เลือกเร๊อะ - -") คือ มิโซะซุป ใส่สาหร่ายแผ่นโตๆ ไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกว่าคอมบุไหม แล้วก็มีต้นหอมโรยหน้า (ไม่มีเต้าหู้ชิ้นเล็ก ๆ นะคะ) ซดตอนร้อน ๆ อร่อยดีค่ะ แถมถ้าได้ซดตอนหลังกินเนื้อย่างเข้าไปแล้ว เหมือนมันจะช่วยล้างคอด้วยค่ะ
และเมื่ออาหารสด (ชุดแรก) ที่สั่งมาถึงโต๊ะแล้ว .... ก็พร้อมจะลงมือลุยได้แล้วค่ะ
เริ่ม แรกที่เตาไฟกำลังร้อน ๆ พิมก็ต้องเอากุ้งกับเห็ดลงไปย่างก่อนค่ะ ที่เอากุ้งไปย่างก่อน เพราะว่า กุ้งใช้เวลานานกว่าหัวมันจะสุก (แบบว่าพิมไม่กินหัวกุ้งเละ ๆ อ่ะนะ) ส่วนเห็ดนี่ที่ย่างก่อน เพื่อรองทอง ก่อนจะไปลุยกับเนื้อสัตว์ค่ะ
หลังจากกินกุ้งกับเห็ดไปสักแป๊บ คุณแฟนพิมเค้าเริ่มหิวมากแล้ว เราเลยจะย่างเนื้อกันล่ะค่ะ ... แต่จะย่างเนื้อให้อร่อย ก็ต้องมีการปรับระดับไฟกันหน่อย (สำหรับคนที่ไม่เคยไป-ปรับที่ด้านข้าง ๆ ของโต๊ะนะคะ) ... สักแป๊บบบบ เปลวไฟก็ลุกโชนขึ้นมาพอประมาณ (แต่ไม่มาเหมือนโต๊ะข้าง ๆ ที่ควันฟุ้งเลยค่ะ -*-) เราก็หยิบเนื้อหย่อนลงไปย่างบนตะแกรงได้เลยค่ะ
เนื้อเนี่ย...ไม่ว่าจะเนื้อส่วนไหนก็ตาม ....... อย่า-ย่าง-นานนะคะ ย่างนานแล้วเนื้อจะแข็ง ไม่ค่อยอร่อย พลิกไปพลิกมา ... พอให้รู้สึกว่าจะสุก ก็พอแล้ว ... แม่พิมเค้าเคยบอกว่า เนื้อบาง ๆ อย่างนี้ พอโดนไฟปุ๊บ มันสะดุ้งทีนึง .... มันก็สุกแล้วค่ะ
ชิ้นนี้เป็นเนื้อสัน ..... ย่างพอสุกแล้ว เอาไปจิ้มน้ำจิ้มให้ติดกระเทียมกับพริกเยอะ ๆ แล้วก็เอามาโปะบนชามข้าว แล้วก็พุ้ย ๆ ข้าวกับเนื้อเข้าปาก ........ โอ๊ยยย อร่อยได้อารมณ์สุด ๆ เลยค่ะ ^^
แล้วระหว่างที่เราย่างเนื้อ ย่างเห็ด ย่างปลาแซลมอนไปเรื่อย ๆ สักไม่นาน ... กุ้งเราก็สุกค่ะ (กุ้งนี่ก็ย่างนานไม่ได้ เนื้อแข็ง พิมก็ว่าไม่ค่อยอร่อยนะคะ กุ้งนี่ต้องเนื้อดึ๋ง ๆ หน่อยจะอร่อยมากกกกกก / แต่อันนี้ ในรูป ย่างนานเกินไป เพราะมัวแต่คุยค่ะ -*-)
จริง ๆ พิมชอบกินกุ้งย่างมาก ๆ เลยค่ะ น้อง ๆ สมาชิกในแก๊งค์แฟนพิมเค้าก็ดูท่าทางจะชอบมากเหมือนกัน แต่ที่สั่งมาแค่ 2 จานตลอดงาน เพราะว่ามันต้องแกะเปลือกเนี่ยแหละค่ะ -*-
แล้วระหว่างพิมแกะกุ้งกินไปเรื่อยๆ แคชเค้าก็ย่างเห็ด ย่างเนื้อไปเรื่อยๆ เหมือนกันค่ะ ..... ดูสิค่ะ เห็นออรินจิ น่ากินเน๊าะ ^^ (พิมเคยทำประมาณนี้กินที่บ้าน แต่ลองเอาเห็ดอย่างอื่นมาอย่างแทน อย่างเห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง แต่ไม่อร่อยเท่าค่ะ คงเพราะเนื้อเห็ดไม่แน่นเหมือนออรินจิ แต่เห็ดหอม กับเห็ดเข็มทอง ย่างพอสะดุ้งไฟ ก็อร่อยไม่แพ้ออรินจินะคะ)
เราไปกันทั้งหมด 6 คน (ไซด์ Big ๆ) ทั้งนั้น ดังนั้นเนื้อสดที่สั่งมาชุดแรก มันก็เลยไม่พอค่ะ (แม้จะสั่งมาอย่างละหลายจานก็ตาม ฮ่ะๆ) ก็เลยมีการสั่งชุดต่อ ๆไป ต่อ ๆ ไป และก็ต่อ ๆ ไป ค่ะ ประมาณว่าเต็มโต๊ะอย่างนี้ราว 4-5 รอบได้ แต่สั่งเยอะขนาดนี้ เจ้าของร้าน ผู้จัดการ พนักงานเสริฟ เค้าก็ไม่ได้มาแสดงอารมณ์ไม่พอใจ อย่างกับบางร้านนะคะ (นี่แหละที่ทำให้ชอบ Giants)
ระหว่างกินกันไป ย่างกันไป เพื่อน ๆ สมาชิกแก๊งค์เค้าก็คุยกัน เม้าท์กันไปเรื่อย ๆ ถึงเพื่อนคนนี้บ้าง คนโน้นบ้าง เรื่องเศรษฐกิจ สังคม เรื่องโน่นเรื่องนี่บ้างไปตามประสาผู้ชาย .. ส่วนพิมเร๊อะ มัวแต่ยุ่งกับการถ่ายรูป แล้วก็รีบกินตามคนอื่นเค้าค่ะ ฮ่ะๆ
มีช่วงนึงค่ะ ... น้องพนักงานเสริฟ เค้าคงจะเห็นพวกเราตัวน้อย ๆ กินข้าวชามเล็ก ๆ คงจะไม่โตแน่นอน ^^" .... พอเราสั่งข้าวกระเทียมไป 3 ถ้วย รอบแรกน้องเอามาให้ซะ 5 ถ้วย อีกรอบก็เอามาให้อีกโดยไม่ได้สั่ง 3 ถ้วย ..... พวกเราเกรงใจน้องเค้า เกรงใจคนทำ ทั้งที่อิ่มแล้ววว แต่ก็ฝืนกินจนหมดค่ะ (จริง ๆ น๊า)
พิมน่ะ .. ใจจริงก็ชอบข้าวผัดกระเทียมที่นี่นะคะ แต่เห็นพิมตัวโต๊โตอย่างนี้ แค่ถ้วยเดียว พิมก็ยังกินไม่ค่อยจะหมดเลยค่ะ (อาศัยเน้นกินกับข้าวเยอะ ^^") .. อย่างถ้วยนี้ของพิม ก็มีแต่เนื้อย่างโปะ ๆ ลงไป จนมองไม่เห็นข้าวเลยค่ะ
ย่างเนื้อไปเกือบจะหมด (ช่้วงนี้พิมเริ่มอิ่มซะแล้ววววว) นึกได้ว่าลืมกินปลาหมึกค่ะ -*- แบบคุณภาพมันไม่ค่อยจูงใจให้อยากเอามาย่างกินเลย แต่สั่งมาแล้วน่ะนะ ไม่อยากให้เหลือทิ้งเสียของ ก็เลยย่างปลาหมึกต่ออีกสักหน่อย
ระหว่างนี้ ... ก็ยังมีการเม้าท์ แล้วก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ..... กินไปคุยไป โบราณเค้าว่าไว้ บอกว่าเดี๋ยวข้าวจะติดคอ ... พิมว่านั่นเป็นแค่ส่วนนึง จริง ๆ แล้ว มันคงจะดูไม่สุภาพด้วยแหละค่ะ ......... แต่มากินกับเพื่อนแบบนี้ ไม่เป็นไรเน๊าะ -*-
ระหว่างนี้ ... พิมเริ่มอิ่ม (ไม่ไหวจะกินอีกแล้ว) ก็เริ่มมองดูบรรยากาศภายในร้าน ซึ่งวันนี้จะว่าไป ในเวลานี้ คนเยอะกว่าทุกทีที่เคยมานะคะ แบบว่าปกติที่เคยมาวันธรรมดา เวลาราชการอย่างนี้ คนจะมีแค่สองสามโต๊ะเองน่ะค่ะ
พิมมองร้านเพลินไปนิดนึง หันกลับมาอีกที โต๊ะที่เรานั่งกิน บนโต๊ะก็เริ่มว่าง ๆ แล้ว (แต่ข้าวกระเทียมก็ยังเหลืออีกด้วย)
บางคนก็เริ่มสั่งขนมหวานมากินแล้ว
ขนมหวานร้านนี้ ... มีอยู่อย่างเดียวให้เลือก (งงไหม -*-) ก็คือ ไอซ์เยลลี่ หรือจะว่าไป ก็คือ น้ำแข็งใสราดน้ำแดงแบบบ้านเรานั่นแหละค่ะ .... แต่ก็อร่อยดีนะคะ .... พิมเคยกินเพลิน ๆ ก็กินไปได้ตั้ง 4 ถ้วยแน่ะ แต่น้องคนนึงที่มาด้วยกันเนี่ย ได้ข่าวว่า เคยกินไปรวดเดียวตั้ง 12 ถ้วย - -" (แต่ถ้วยนึงมันนิดเดียวเองอ่าา)
อ้าว....................อ๊ามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม กินด้วยกันไหมคร๊าบบบบบบบบบบบ
รวมเบ็ดเสร็จ วันนี้ทุกคนกินไอซ์เยลลี่รวมกันไปประมาณเกือบ 20-25 ถ้วยค่ะ
พอทุกคนกินอิ่มแล้ว ก่อนจะเช็คบิล ... เราก็มาดูความเสียหายของวันนี้กันค่ะ ........ กินกันทั้งหมด 6 คน อันนี้นี่มันน้อยหรือมากไปค่ะเนี่ย ^^"
รวมเบ็ดเสร็จค่าเสียหายวันนี้ก็ 2700 บาทค่ะ (คนละ 450 * 6 คน) ....... โดยส่วนตัว ถ้าถามว่าใช้ได้ไหม .. ก็โอเคนะคะ เป็นร้านเนื้อย่างแบบญี่ปุ่นในเมืองไทยที่ใช้ได้ค่ะ (แต่ระยะหลัง เหมือนเนื้อที่แล่มา จะบางมากขึ้น แล้วก็ชิ้นเล็กลง ทำให้ความอร่อยลดลงไปนะคะ)
ส่วนถ้าถามว่าคุ้มไหม .. สำหรับพิม ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ เพราะกินน้อย (น้อยจริง ๆ นะคะ -*-) ..... แต่สำหรับคุณแฟน เค้าบอกว่าคุ้มค่ะ (เพราะเค้ากับเพื่อนกินเยอะ)
ถ้าถามว่าจะไปอีกไหม ... ก็คงไปอีกค่ะ เพราะจริง ๆ จะว่าไป Giants เนี่ย ก็ไปมาหลายครั้งมาก ๆ แล้วนะคะ
แต่ติดปัญหานึงที่ทำให้ไม่ค่อยอยากไป ก็คือ หากวันไหนไม่ได้เอารถไป ไม่ได้มีใครมารับ .. ประมาณว่านั่งแท๊กซี่ไปกันเอง ... ตอนขากลับ แทบทุกครั้ง ... จะหาแท๊กซี่กลับยากถึงยากที่สุดเลยค่ะ .......... มีครั้งนึงยืนรอที่ฝั่งตรงข้ามตึกที่ตั้งร้านฯ อยูราว 1/2 ชม. ก็ยังหาแท๊กซี่กลับไม่ได้ คือมีมาบ้าง นาน ๆ ทีมี 1 คัน แต่พอเราบอกว่าไปลาดพร้าว 101 หรือแม้กระทั่งไปเดอะมอลล์บางกะปิ , ไป Big C ลาดพร้าว .... ก็ไม่มีคันไหนไป ทั้งที่มันไม่ไกลเลย มีทางลัดด้วย ...... เราก็เลยเดินออกมาตามซอยจนถึง ถ.เพชรบุรีค่ะ แล้วระหว่างเดินออกมาเกือบ 20 นาที ก็ไม่มีรถอีกเช่นกัน เรามานั่งรอแท๊กซี่ที่ป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามอิตัลไทย อยู่อีกราว 1 ชม. 1/2 ค่ะ ก็แทบไม่มีแท๊กซี่เลย (ตอนนั้นแทบจะร้องไห้ เซ็งมากกกกกกกกกกกก) ..... สุดท้ายมีแท๊กซี่ใจดีคนนึงมาพอดี เค้ารับพวกเราค่ะ (ไปกัน 2 คันนะคะ มิใช่คันเดียว -*-) เรางี้แทบจะกระโดดกอดคอลุงคนขับเลยค่ะ - -" .......... นี่แหละก็เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่ค่อยอยากไป Giants น่ะค่ะ
ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ......... ^^
แล้วพิมก็ขอจบ ... การพาไปกินเนื้อย่างที่ร้าน Giants ไว้ตรงนี้เลยล่ะกันนะคะ (จบเอาดื้อๆ อิอิ) .... ไว้คราวหน้าถ้าไป มีอะไรเพิ่มเติม อะไรดีขึ้น หรือแย่ลงกว่านี้ จะค่อยมาโพสต์บอกไว้อีกทีนะคะ ..... บ๊ายบาย